เทคโนโลยีการนำน้ำกลับมาใช้ในภูมิภาคเขตร้อน
ปัญหาการขาดแคลนน้ำในการอุปโภค บริโภคเกิดขึ้นในหลายๆ เมืองใหญ่ของภาคพื้นเอเชีย ซึ่งเป็นที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างรวดเร็ว รวมทั้งมีความหนาแน่นของประชากรและการเพิ่มขึ้นของอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง หลายเมืองได้มีการจัดวางและพัฒนาระบบการรวบรวมน้ำเสียโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องสุขภาพของประชาชนและป้องกันปัญหามลพิษจากน้ำ ดังนั้นการบำบัดน้ำเสียแล้วนำน้ำกลับมาใช้ใหม่จึงเป็นประเด็นที่หลายประเทศให้ความสำคัญกันมากขึ้น
ประเทศสิงคโปร์ เป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีความก้าวหน้าเป็นอย่างมากในการพัฒนาเทคโนโลยีการนำน้ำกับมาใช้ใหม่ เนื่องด้วยประเทศสิงคโปร์มีขนาดพื้นที่แค่ ๖๘๐ ตารางกิโลเมตร แต่มีประชากรถึง ๔ ล้านคน ทำให้สิงคโปร์มีแหล่งน้ำจืด/อ่างเก็บน้ำที่รองรับน้ำฝนเพื่อใช้ในการสนองความต้องการในการบริโภคของประชากรแค่ ๕๐% อีก ๕๐% ต้องสั่งซื้อน้ำใช้มาจากประเทศมาเลเซีย อีกทั้งสิงคโปร์เป็นประเทศหนึ่งใน ๑๐ อันดับของประเทศที่ขาดแคลนน้ำ ดังนั้นในปี ๒๐๐๒ สิงคโปร์จึงได้จัดทำแผนการบริหารจัดการน้ำในระยะ ๑๐ ปี ซึ่งให้บรรลุเป้าหมายภายในปี ๒๐๑๒ โดยมีเป้าหมาย ๓ ประการ และเป้าหมายแรกคือ การนำน้ำทะเลมาผ่านกระบวนการและการนำน้ำที่ใช้แล้วกลับมาใช้ใหม่ ให้ได้อย่างน้อย ๒๕% ของความต้องการในการใช้น้ำ (To meet 25% of water demand by desalination and recycling of used water) และเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมาย จึงมีการสร้างระบบการนำน้ำที่ผ่านระบบบำบัดน้ำเสียและน้ำทะเลมาใช้ใหม่ภายใต้ชื่อ NEWater ปัจจุบันมีทั้งหมด ๕ Plants และสามารถผลิตน้ำได้ถึง ๓๐% ของความต้องการใช้น้ำในประเทศ และเนื่องจากน้ำที่ผลิตได้มีการใช้ในการบริโภคด้วย สิงคโปร์จึงกำหนดมาตรฐานคุณภาพน้ำที่ครอบคลุมทุกพารามิเตอร์ตาม มาตรฐานน้ำดื่มของ USEPA และมาตรฐานน้ำดื่มของ WHO
ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และมีแนวโน้มจะประสบปัญหาที่รุนแรงมากขึ้นจากสถิติในรอบ ๑๐๐ ปีที่ผ่านมาพบว่าอัตราการเกิดฝนลดต่ำลง รวมทั้งการมีสถิติที่บ่งชี้ว่า ปริมาตรน้ำฝนลดต่ำลงในแต่ละปี จากข้อมูลดังกล่าวประเทศญี่ปุ่นจึงให้ความสำคัญในการนำน้ำที่ผ่านการบำบัดจากระบบบำบัดน้ำเสียมาใช้ รวมทั้งการนำน้ำจากท่อรวบรวมน้ำฝนมาบำบัดแล้วกลับมาใช้ใหม่ โดยประเทศญี่ปุ่นมีการนำน้ำเสียที่ผ่านการบำบัดมารีไซเคิลเกือบ ๒๐๐ ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี โดยน้ำที่ผ่านการรีไซเคิลจะถูกนำไปใช้ในการปรับปรุงภูมิทัศน์ (Water for landscape, Recreational use, etc.) การละลายหิมะ การเกษตรกรรม การอุตสาหกรรม และการชักโคลกของห้องส้วม (toilet flashing) เป็นต้น สำหรับมาตรฐานคุณภาพน้ำได้มีการจัดทำ Water Quality standard for Reclaimed Wastewater in Japan ขึ้นโดยมีการคำนึงถึงสุขภาพประชาชนมาเป็นอันดับแรก ซึ่งญี่ปุ่นมีการกำหนดมาตรฐานคุณภาพน้ำ Water Quality Guideline โดยแบ่งตามประเภทของการใช้งาน เช่น น้ำที่ใช้สำหรับการอนุรักษ์ระบบนิเวศน์ การอุปโภค-บริโภคของคน ต้องเป็นน้ำที่มีมาตรฐานคุณภาพน้ำสูง ส่วนการนำน้ำมาใช้ในการรดน้ำต้นไม้ การชัดโคลกในห้องส้วม การล้างรถ และการฉีดล้างทำความสะอาดต่างๆ ต้องการน้ำที่มีมาตรฐานคุณภาพน้ำในระดับปานกลาง สุดท้ายการใช้น้ำในการปรับปรุงภูมิทัศน์ การจัดสวน ต้องการน้ำที่มีมาตรฐานคุณภาพน้ำในระดับต่ำ ในการกำหนดมาตรฐานคุณภาพน้ำในแต่ละระดับนั้น ได้มีการระดมความคิดเห็นของผู้ใช้น้ำจากทุกภาคส่วน ทุกระดับ รวมทั้งมีการพัฒนาและการปรับปรุงมาตรฐานคุณภาพน้ำให้ทันสมัยและก่อให้เกิดการใช้ประโยชน์อย่างสูงสุด
สำหรับประเทศไทย การนำน้ำกลับมาใช้ใหม่เช่น น้ำฝน น้ำผิวดิน น้ำใต้ดิน ได้รับความสนใจ เนื่องจากมีความต้องการใช้น้ำเพิ่มขึ้นของชุมชนที่มีการขยายตัวสูง แต่ประชาชนไม่เข้าใจคุณภาพน้ำที่แตกต่างกัน ในขณะที่บางชุมชนมีความต้องการใช้น้ำที่ผ่านการบำบัด น้ำชะผิวดิน โดยไม่คำนึงถึงผลกระทบต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อม ดังนั้น การพัฒนารูปแบบข้อมูลคุณภาพน้ำของประเทศไทย จึงมีความจำเป็นและประชาชนต้องได้รับข้อมูล ข่าวสารในการส่งเสริมการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ ตามระดับความต้องการและคุณภาพน้ำที่แตกต่างตามกิจกรรมการใช้
การทนำรูปแบบที่แตกต่างของคุณภาพน้ำ ดัชนีคุณภาพน้ำแต่ละตัวต้องทำการประเมินอย่างละเอียดสำหรับการใช้น้ำแต่ละประเภท สำหรับปัจจัยที่เกี่ยวกับชีววิทยาและความเป็นพิษต่อมนุษย์ คำนวณหาเกณฑ์คุณภาพน้ำจะใช้ค่าสูงสุดของระดับการให้คะแนน ส่วนปัจจัยอื่นๆ จะคำนวณโดยใช้ค่าเฉลี่ย ซึ่งข้อมูลทางวิชาการเหล่านี้ ทำอย่างไรให้สามารถสื่อสารกับประชาชนคนธรรมดา และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการใช้แหล่งน้ำในชุมชนได้เข้าใจ และสามารถใช้น้ำได้อย่างปลอดภัย รวมทั้งใช้น้ำอย่างถูกต้องตามประเภทของการใช้งาน เพราะน้ำที่ใช้แต่ละกิจกรรม ควรมีคุณภาพที่แตกต่างกัน เช่นน้ำที่ใช้ในการอาบน้ำ ชำระล้าง ควรมีคุณภาพสูงกว่าน้ำที่ใช้ในการชักโคลกห้องส้วม หรือน้ำที่ใช้ในการล้างรถ เป็นต้น ผลของการจัดทำข้อมูลความเหมาะสมของการใช้น้ำ ทำให้ง่ายในการเข้าใจถึงคุณภาพน้ำที่แตกต่างกันของแหล่งทรัพยากรน้ำต่างๆ และมีการนำน้ำมาใช้ใหม่อย่างปลอดภัย
สำหรับการใช้แหล่งน้ำอื่นๆ ในชุมชนเช่น น้ำเสียที่ผ่านการบำบัดหรือน้ำชะผิวดิน นั้น คุณภาพน้ำที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของการใช้น้ำแต่ละประเภท ที่ควรพิจารณาร่วมกับการ
บริหารจัดการและการติดตามตรวจที่มีประสิทธิภาพ ดังนั้น การพัฒนาระบบข้อมูลคุณภาพน้ำที่ใช้ในการนำกลับมาใช้ใหม่ ยังคงต้องมีการพัฒนาต่อไปอย่างต่อเนื่อง รับฟังข้อคิดเห็นของประชาชนผู้ใช้น้ำในทุกภาคส่วน ทุกระดับ มีการรับรู้ข้อมูลที่เท่าเทียมกันทั้งในส่วน ผู้กำหนดนโยบาย วิศวกร ผู้บริหาร และประชาชนผู้ใช้น้ำ อันจะนำไปสู่การกำหนดมาตรฐานคุณภาพน้ำที่ผ่านการะบวนนำกลับมาใช้ใหม่ที่เป็นมาตรฐานในระดับชาติต่อไป ทั้งนี้เพื่อเป้าหมายการใช้ทรัพยากรน้ำอย่างเกิดประโยชน์สูงสุดและการพัฒนาทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน
|